FORTH ชิงงานรัฐ 9.7 พันล. รับทรัพย์ตู้เต่าบินเต็มสูบ

FORTH ชิงงานรัฐ 9.7 พันล. รับทรัพย์ตู้เต่าบินเต็มสูบ

ทันหุ้น – FORTH เดินหน้าประมูลงานภาครัฐในปี 2564-2565 มูลค่า 9.7 พันล้านบาท มั่นใจโอกาสคว้างาน 70% ขณะที่ปัจจุบันตุน Backlog กว่า 2.3 พันล้านบาท จ่อรับทรัพย์คาเฟ่อัตโนมัติ “เต่าบิน” ตั้งเป้า 3 ปี ขยายเพิ่มเป็น 3 หมื่นตู้ หวังโกยยอดขายวันละ 1 ล้านแก้ว คาดมาร์จิ้นสูงถึง 60% มั่นใจโอกาสเติบโตสูง พร้อมคงเป้ารายได้ปีนี้ 8.5-9 พันล้านบาท

นายชัชวิน พิพัฒน์โชติธรรม ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH เปิดเผยว่า สำหรับปี 2564 บริษัทยังคงเป้ารายได้ที่ 8,500 -9,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ทำได้ 7,082 ล้านบาท โดย 6 แรกของปีนี้บริษัททำรายได้แล้วกว่า 4,036 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 386 ล้านบาท โดยในทุกกลุ่มธุรกิจยังเติบโตได้ทั้งธุรกิจอีเอ็มเอส ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง คาดว่า 2 ปีข้างหน้าจะมีออเดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้น จากหลายๆ ส่วนงานทั้ง Power Supply and Adapter อุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger)

*ประมูลงานรัฐต่อเนื่อง

นอกจากนี้ในส่วนงานธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ โซลูชั่นส์ ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ(Backlog) จำนวน 2,300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว ราว 437 ล้านบาท, งานรถโบกี้ปั้นจั่นกล มูลค่ากว่า 798 ล้านบาท, งานบํารุงรักษาซ่อมแซมแก้ไขและปรับเปลี่ยนโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนําแสง มูลค่ากว่า 92 ล้านบาท, Smart Metro Grid (งานระบบสมาร์ทกริด) มูลค่ากว่า 299 ล้านบาท และงานระบบสื่อสารวิทยุเฉพาะกิจระบบดิจิทัล กว่า 675 ล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายได้ส่วนใหญ่ในปี 2564 และบางส่วนในปี 2565

ทั้งนี้บริษัทยังเตรียมเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐอีกกว่า 17 โครงการ มูลค่ากว่า 9,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ หน่วยงานการไฟฟ้า 5 โครงการ มูลค่ากว่า 2,600 ล้านบาท, หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอุดมศึกษา 2 โครงการ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท, หน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม 2 โครงการ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรม 8 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 โครงการ ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะได้รับงานกว่า 70%

*ตู้เต่าบินทำเงิน

สำหรับธุรกิจสมาร์ท เซอร์วิส ยังเดินหน้าต่อเนื่องในส่วนของตู้บุญเติม ซึ่งมีการปรับตัวทั้งการสามารถเบิกถอนเงินได้ ซึ่งเริ่มถอนเงินได้ตั้งแต่ 20 บาท ส่วนยอดการเติมเงินยอมรับว่ามีปริมาณที่ลดลงบ้าง แต่บริษัทพยายามเพิ่มบริการที่หลากหลายตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันอีกกลยุทธ์ที่บริษัทมุ่งเน้นคือ Tao Bin Café คาเฟ่อัตโนมัติ  “เต่าบิน” ซึ่งเป็นตู้ขายเครื่องดื่มมากกว่า 100 รายการ เช่น กลุ่มสินค้ากาแฟ โกโก้ เครื่องดื่มชาเย็น ชาร้อน เครื่องดื่มน้ำผลไม้ เครื่องดื่มโซดา รวมไปถึงเป๊บซี่ โค้ก เครื่องดื่มโปรตีน เป็นต้น

โดยปัจจุบันมีการติดตั้งมีให้บริการแล้วกว่า 100 จุด สามารถทำยอดขายได้ราว 4,500 แก้วต่อวัน ราคาเฉลี่ยราว 35 บาทต่อแก้ว ราคาต่ำสุดที่ประมาณ 15 บาทต่อแก้ว โดยบริษัทมีเป้าหมายในปี 2566 จะมีจำนวนตู้ 20,000 ตู้ หรือมียอดขายกว่า  1 ล้านแก้วต่อวัน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ที่เป็น Recurring Income ขึ้นมา และธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 60% นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนาตู้ให้มีรูปลักษณ์ที่หรูหราขึ้น

ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทร่วมทุน กับ AOT คือ “FORTH  MRO” จะทำโรงซ่อมเครื่องบิน ที่บริษัทได้สิทธิ์บริหารพื้นที่คลัง 3 ในพื้นที่สนามบินดอนเมือง ได้สัมปทาน 15 ปี ปัจจุบันโครงการมีความล่าช้าเพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่เชื่อว่าหากสถานการณ์กลับมาดีขึ้น การเดินทางโดยการบินจะมากขึ้น ทำให้คาดว่าจะสามารถมีรายได้ในส่วนนี้ในปี 2566